top of page

ที่มาของตึกสงฆ์

     ก่อนตึกสงฆ์จะเกิด  หลวงตาประพันธ์ กิตฺติโสภโณ ได้นึกถึงหลวงปู่ชอบ  ซึ่งเป็นอัมพาตมาหลายปี  หลวงตา  ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า “เราเป็นพระผู้น้อย  จะทำอย่างไรจึงจะมีปัญญาสร้างโรงพยาบาล  ให้หลวงปู่ชอบให้แล้วเสร็จ”   ตอนนั้นหลวงตานั่งอยู่ยอดดอย  ณ  วัดฟองงอย  บ้านหนองผักบุ้ง ตำบลวังกวาง อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์  ซึ่งมีศรัทธาญาติโยมชาวตำบล  วังกวาง  ได้บวชป่าผืนนั้นประมาณ  ๕,๐๐๐  ไร่  และถวายเป็นที่พักสงฆ์และให้หลวงตาดูแล  เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๕๔๑ – ๒๕๔๒  หลวงตา  จึงได้สร้างศาลาการเปรียญ  เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ  ๗๒  พรรษา  และเพื่อให้พระในป่าได้พักอาศัย  บำเพ็ญภาวนา    และเมื่อปี  พ.ศ.  ๒๕๔๖  หลวงตาประพันธ์ กิตฺติโสภโณ  ท่านมีอายุพรรษา  ๑๕  พรรษาพอดี  จึงคิดริเริ่มที่สร้างโรงพยาบาลสงฆ์อาพาธหลวงปู่ชอบ ในคืนหนึ่งได้แต่คิด  เดินจงกรมคิด  นั่งภาวนาคิดว่า “ทำอย่างไรเราจึงจะมีวาสนาสร้างโรงพยาบาลหลวงปู่ชอบให้เสร็จทำไมจึงต้องมาเกี่ยวข้องกับใจเรา  เพราะลูกศิษย์มี  ตั้งเยอะแยะไป”   หลวงตาจึงตั้งสัจจะอธิษฐานจิตว่า “เราไม่มีศรัทธาจากลูกศิษย์ผู้มีเงินมีทองที่ไหนเลย ได้แต่นั่งภาวนาคิดอยู่นี่ ใครหนอที่เคยสร้างบุญด้วยกันมาแต่ชาติปางก่อน  ให้ร้อนถึง ณ คน ๆ นั้น ณ เวลา  นี้”

    เวลาผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ มีแรงบันดาลให้ลูกศิษย์จากแต่ละทิศมากราบหลวงตา แล้วปรึกษากัน  มีพ่อตู้เทียง  พ่อหนึ่ง  หลวงตาเลยพูดเรื่องสร้างโรงพยาบาล  ให้ลูกศิษย์ฟัง ลูกศิษย์จึงเห็นดีด้วย จึงได้เงินเริ่มต้นจากพ่อหนึ่งสมทบทุน ๔,๐๐๐ บาท ด้วยแรงบันดาลที่หลวงตาประพันธ์ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ได้ไปดลบันดาลให้หนูเบ็น  กับ โยมป๋องซึ่งเป็นสามีและภรรยากัน  และหนูเล็กซึ่งเป็นน้องสาว  มาภาวนา  ที่วัดป่าฟองงอย  บ้านหนองผักบุ้ง  ตำบลวังกวาง  อำเภอน้ำหนาว  จังหวัดเพชรบูรณ์  หลวงตาประพันธ์ กิตฺติโสภโณ เลยปรารภเรื่องสร้างโรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธ  เพื่อถวายหลวงปู่ชอบ  ไม่รู้จะได้ทุนมา  จากไหนบังเอิญคนทั้งสามนี้เป็นลูกสาวและลูกเขยเจ้าของโรงงานหล่อพระอ่างที่จังหวัดชลบุรี  จึงได้ถวายปัจจัยไว้คนละ  ๑๐,๐๐๐  บาท  หลวงตาจะได้พาสร้างโรงพยาบาลให้หลวงปู่ชอบ  และถามโยมเบ็นกับโยมป๋องและหนูเล็กว่า

          “ป๋อง  เธอจบอะไรมา”
          “ประติมากรรมปั้นรูปครับ”  โยมป๋องตอบ
          “เออ...พอดีล่ะ  เธอปั้นรูปหลวงตาได้ไหม  องค์เท่าพระกริ่งองค์เล็กๆ  อีกอันรูปหยดน้ำ  (วงรี)  เธอเป็นเจ้าภาพได้ไหม”
          หนูเบ็นถาม 
“โรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธใช้เงินเท่าไรค่ะหลวงตา”
          หลวงตาตอบ  “ประมาณ  ๒๐  ล้าน”
          หนูเบ็นถาม  “จะเอาเงินมาจากไหนค่ะหลวงตา  ปวดหัวแล้วจะเอาเงินมาจากไหน หลวงตาเองก็นั่งอยู่แต่ในป่า”
          หลวงตาตอบ  “ก็เงินเธอ  ๓๐,๐๐๐  บาท  ไง”
          หนูเบ็นถาม  “๓๐,๐๐๐  บาทจะทำอะไรเสร็จค่ะ”
          หลวงตาตอบ
 “แฟนเธอปั้นรูปเป็นไม่ใช่หรือ  ก็ปั้นเป็นพระกริ่งองค์เล็กๆ”
  หลวงตาถามหนูเบ็นว่า
“ ทองแท่งหนึ่งที่หล่อพระในโรงงาน  น้ำหนัก  ๗  กิโลกรัม  ใช่ไหม”
          หนูเบ็นตอบ  “ค่ะ”
          หลวงตาถาม  “โยมป๋อง  แล้ว  ๗  กิโลกรัม  จะปั้นองค์เล็กได้กี่องค์”
          สองผัวเมียตอบ  “ได้เป็นร้อยเลย  ครับ/ค่ะ”
          หลวงตาบอก  “เธอเริ่มเห็นแสงสว่างหรือยัง  เงิน  ๓๔,๐๐๐  บาท  ซื้อทองได้กี่แท่ง  เธอเข้าใจแล้วนะ”
          สองผัวเมียตอบ  “จ้า”
          หลวงตาบอก  “แล้วทำเป็นเหรียญอีก  ๒  รุ่น  รุ่นแรกคือ  น้องรี(เหรียญรูปหยดน้ำ)  รุ่นสองคือ  พี่กลาง(รุ่นแรกสร้างโรงพยาบาล)  ส่วนพระกริ่งให้ชื่อรุ่นพี่เบิ้ม  แล้วหลวงตา  อายุพรรษา  ๑๕  พรรษา
          ปี พ.ศ.  ๒๕๔๖  นั่งภาวนาอยู่  ณ  ยอดดอย  วัดฟองงอย  ตั้งสัจจะไว้ “ขอถวายหลวงปู่ชอบ  คุณธรรมทั้งหลาย  บารมีทั้งหลาย  ที่มีในหลวงปู่  จงมาอยู่ในเหรียญ  หลวงตา  ให้เหรียญมีอนุภาพเหมือนหลวงปู่ทุกอย่าง  เหรียญนั้นเป็นของลูกศิษย์  แต่อนุภาพและบารมีธรรมเป็นของหลวงปู่  ขอจงได้สำเร็จ” และเมื่อออกพรรษา  หลวงตา  จึงอนุญาตให้ลูกศิษย์ของหลวงตา  ทำเหรียญรุ่นแรกสร้างโรงพยาบาล  ออกมามีหลายแบบคือ

๑. พระกริ่ง
๒. เหรียญกลม
๓. เหรียญรูปวงรี

ศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลายทั่วสารทิศเมื่อรู้ข่าวต่างก็มาจองบูชาเหรียญเพื่อร่วมทำบุญสร้างโรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธ  กันอย่างเนืองแน่น  หลวงตารวบรวมปัจจัยทุกบาทที่ได้มาจากศิษย์ยานุศิษย์  ที่ร่วมทำบุญและบูชาเหรียญฝากเก็บไว้ที่  ธนาคารกสิกรไทย  สาขา อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย 
จากนั้นปี  
พ.ศ.  ๒๕๔๗  หลวงตาอายุพรรษา ๑๖ พรรษา และได้นำมาจำพรรษาอยู่ที่  วัดป่าภูดิน ตำบลวังปลาป้อม  จังหวัดหนองบัวลำภู
ในปี  พ.ศ.  ๒๕๔๘  อายุพรรษา ๑๗ พรรษาที่  บ้านยางเกาะ  ตำบลปริก  อำเภอสะเดา  จังหวัดสงขลา
เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๕๔๙ – ๒๕๕๐  ได้มาจำพรรษาอยู่ที่  วัดป่าภูดิน  ตำบลวังปลาป้อม  อำเภอนาวัง  จังหวัดหนองบัวลำภู  และ  
ปี  พ.ศ.  ๒๕๕๐  นี้เอง หลวงตา  ท่านได้พาศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลาย วางศิลาฤกษ์  สร้างโรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธฐานสโมนุสรณ์  ที่โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ  ๘๐  พรรษา  อำเภอนาวัง  จังหวัดหนองบัวลำภู

หลวงตาประพันธ์ท่านลั่นสัจจะวาจาไว้ 
“เมื่อข้าพเจ้า  อายุพรรษา ๒๐ พรรษา ณ วันใด  หรือ  อายุ  ๖๐  ปี  ณ วันใด  ตึกสงฆ์เสร็จ  วันนั้น”

  หลังจากนั้นจึงเริ่มทำการก่อสร้างโรงพยาบาลตึกสงฆ์อาพาธ  รวมระยะเวลาก่อสร้างนาน  ๑๑  เดือน  โดยไม่มีใครเชื่อว่าจะทำเสร็จ  จากแรงศรัทธาของศิษย์ยานุศิษย์ทุกหนทุกแห่งต่างก็มาช่วยกันทั้งหมด  ทั้งถวายปัจจัยคนละ  ๑๐ – ๑๐๐ - ๑,๐๐๐  บาท  ใครมีกำลังแรงก็ช่วยแรง  ใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยทรัพย์ร่วมกันสร้างจนแล้วเสร็จ  ด้วยงบประมาณของหลวงตา  และญาติโยมทั่วสารทิศ  (ด้วยปัจจัยเริ่มต้นแค่  ๓๔,๐๐๐  บาท  ก็ยอดบุญมาเป็น  ๒๐  ล้านบาท) 
    หลังจากวางศิลาฤกษ์เสร็จ  จึงเริ่มขุดหลุมเสาทันทีรวมทั้งหมด  ๗๗  หลุม  โดยไม่ได้จ้าง  มีคุณหมอ  พยาบาล  เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล  และชาวบ้านหลายๆ  หมู่บ้านมาช่วยกันจองเป็นเจ้าภาพขุดจนแล้ว  เสร็จ  และดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมา
          ตั้งแต่วันเริ่มก่อสร้าง  หลวงตาประพันธ์ กิตฺติโสภโณ  ท่านก็มีเมตตาได้ออกบิณฑบาตจาก  วัดป่าภูดิน  มาฉันเช้าที่โรงพยาบาล  อ. นาวัง  เกือบทุกวัน  วันไหนไม่ได้มา  หลวงตา  ท่านก็ให้ลูกศิษย์มาแทน  เพื่อจะได้นำอาหารข้าวก้นบาตรที่พระฉันเสร็จแล้วมาเลี้ยงช่าง  และลูกศิษย์  ที่มาช่วยทำงาน  เพราะ  หลวงตา  ไม่มีเงินจ้างช่างรับเหมาก่อสร้างมาทำ  จึงมีแต่คณะลูกศิษย์หลายๆ  หมู่บ้านมาช่วยออกแรงทำกัน  อุปสรรคในเบื้องต้น  จะสร้างตึกสงฆ์  ต้องใช้ไม้มาทำไม้แบบจำนวนมาก
“จะได้ไม้แบบมาจาก  ไหนหนอ”

  หลวงตาประพันธ์ กิตฺติโสภโณ นั่งคิด  เลยคิดได้ว่าไปบ้านโคกมนก่อน  ไปหาตู้เทียง  ตู้เหล่  พ่อเฒ่า  (นายจิ๋ว)ไปขอบิณฑบาต  ต้นไม้ที่ยังไม่เป็นลูกก็ดี  เป็นลูกแล้วก็ดี  ที่แก่แล้วก็ดี  ไม้มะพร้าวก็เอาไม้มะม่วง  ก็ได้  แต่ก็ไม่มีใครให้เลย  ไปขอไม่ได้เลย  เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะสร้างเสร็จ  หลวงตาจึงยกมือสาธุหาหลวงปู่ชอบ  ให้หลวงปู่หาให้  จากนั้นลูกเขยและลูกสาวพ่อหวัดจึงให้เป็นคนแรก  (พ่อหวัด  ผู้ซึ่งเป็นมรรคทายกหลวงปู่ชอบมาก่อนแต่ตอนนี้ถึงแก่กรรมแล้ว)  ลูกเขยลูกสาวเป็นคนให้แทน  ได้ต้นมะม่วง  ๓  ต้น  ต่อมามีแต่คนบอกให้ไปเอา  เอาจนไม่หวาดไม่ไหว
          เมื่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธฐานสโมนุสรณ์เสร็จแล้ว  หลวงตา  ท่านยังมีเมตตามอบรถฉุกเฉินอีก  ๑  คัน  และเตียงผู้ป่วย  ๑๖  เตียง  พร้อมด้วยแอร์  อีก  ๒  ตัว  พระพุทธรูปปรางค์ชนะมาร  หน้าตักกว้าง  ๓๒  นิ้ว  ๑  องค์  และตู้พระไตรปิฎกฝังมุกพร้องหนังสือพระไตรปิฎก  ๑  ชุด  ไม้เท้าอีก  ๑๖  อัน  โต๊ะเลื่อนวางอาหารปรับระดับได้  (เมโย)  อีก  ๑๖  ตัว  หลวงตา  ท่านมอบให้เป็นคุณของ  หลวงปู่ชอบ  ฐานสโม  และ  พ่อหลวงคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติ  ๘๐  พรรษา  หลวงตายังมีโครงการ  จะซื้อเครื่องตรวจร่างกายด้วยระบบคอมพิวเตอร์  มอบไว้ให้แก่โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ ฯ และที่โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ ฯ นี้เองก็ได้มีลูกศิษย์ของหลวงตาที่เป็นแพทย์  เภสัชกร  พยาบาล  หลายคนเสนอตัวขอเป็นแพทย์อาสา  นำทีมโดย  แพทย์หญิง  ศิริวรรณ  หมอแดง  หมออั๋น  และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ ฯ อีกหลายคน  หลวงตา  จึงได้จัดตั้งกองทุนขึ้นมา  ชื่อว่า  กองทุนกิตฺติโสภโณ  และจัดหน่วยแพทย์อาสาเคลื่อนที่ออกตรวจตามชุมชนถิ่นทุรกันดารต่างๆ  ที่  หลวงตา  เคยได้ไปธุดงค์ภาวนาหลังจากมอบถวาย  ตึกสงฆ์อาพาธหลวงปู่  ให้กับพระสงฆ์รับเสร็จแล้ว  หลวงตาประพันธ์  กิตฺติโสภโณ  ท่านก็ได้ไปจำพรรษาที่  วัดป่าวิเวกภูเขาวง  ต่อไป

หมายเหตุ -  โรงพยาบาลหลวงปู่ชอบ  ฐานสโม  สร้างขึ้นเมื่อสมัยหลวงปู่ชอบยังมีชีวิตอยู่  ที่  บ้านโคกมน  ตำบลผาน้อย  อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย  ต่อมา  หลวงปู่ชอบท่านได้ละสังขารไปก็ไม่มีใครดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ

© 2023 by Coming Soon

Proudly created with Wix.com

bottom of page